ถ้าพูดถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวสวยสะกดใจ และอากาศสดชื่น คีรีวงกตในจังหวัดอุดรธานี อาจเป็นคำตอบสำหรับทุกคนที่โหยหาความสงบและความสุขในอ้อมกอดของขุนเขาและสายน้ำที่งดงาม ที่นี่ไม่ใช่เพียงสถานที่ท่องเที่ยว แต่ยังเป็นโอกาสในการสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิด ทั้งความอบอุ่นจากผู้คนในท้องถิ่น และกิจกรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว  

ระหว่างทางไปคีรีวงกต ท้องฟ้าเป็นใจ ไร้แสงแดด สองข้างทางสงบร่มรื่น ขับผ่านชุมชนสองข้างทางทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งรถกลับบ้าน แต่หากใครที่เมารถง่ายอย่าลืมเตรียมยาแก้เมารถไว้ด้วยนะคะ เพราะระหว่างทางขึ้นเขามีโค้งเยอะมากอาจรู้สึกเมารถได้ค่ะ 

พอนั่งรถอีแต๊กเข้าไปกินข้าวในป่า ระหว่างทางรถขับผ่านลำธารน้ำใสจนเห็นปลากำลังแหวกว่ายพร้อมกับวิวภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นความรู้สึกที่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ราวกับว่ากำลังถูกธรรมชาติบำบัดอยู่ยังไงอย่างงั้น ระหว่างทางก็ได้เจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่คีรีวงกต พวกเขายิ้มแย้มเป็นกันเอง ทั้งยังบอกว่าไก่ย่างส้มตำอร่อยมากต้องไปลอง ฉันชักจะหิวข้าวขึ้นมาแล้วสิ 

พอถึงที่กินข้าวจะเป็นศาลาไม่เล็กไม่ใหญ่ น่าจะจุคนได้20คนเลยทีเดียว แถมใกล้ ๆ ยังมีน้ำตกด้วย นั่งกินข้าวไปฟังเสียงน้ำตกไป นอกจากจะอิ่มเอมเพราะอาหารอร่อย ๆ ก็ได้อิ่มเอมไปกับบรรยากาศรอบข้างอีกด้วย อาหารที่ทางชุมชนเตรียมไว้ก็จะเป็นส้มตำไก่ย่าง บอกเลยว่าไก่ย่างคือที่สุด สมคำล่ำลือจริง ๆ ส่วนส้มตำสามารถแจ้งกับผู้ที่ดูแลเราได้เลยค่ะว่าอยากทานเผ็ดมากน้อยแค่ไหน หรืออยากกินแบบไม่เผ็ดเลยทางพี่เขาก็สามารถทำให้ได้ นอกจากนี้ยังมีแกงส้มปลาหยวกกล้วย ปลาเผา แถมข้าวเหนียวห่อใบตองที่เสิร์ฟมาในกระบอกไม้ไผ่ รวมถึงแก้วน้ำกับช้อนก็ทำจากกระบอกไม้ไผ่ด้วยเช่นกัน เราเพิ่งเคยเห็นที่นี่ที่แรกเลยค่ะ ปิดท้ายด้วยแตงโมหวานฉ่ำชื่นใจสุด ๆ ที่นี่เหมาะสำหรับใครที่อยากมาพักผ่อนให้ธรรมชาติบำบัด หรือถ้าแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศทานข้าวก็ย่อมได้ 

พอทานข้าวเสร็จเราก็นั่งรถอีแต๊กกลับค่ะ ระหว่างกลับก็ได้มีโอกาสไปแวะชมสินค้าโอทอปของชุมชนอีกด้วย นั่นก็คือกล้วยฉาบแม่ต้อมค่ะ หากใครที่มาที่น่าร้านของคุณแม่ต้อมจะได้เห็นวิธีการทำสด ๆ ใหม่ ๆ ด้วยค่ะ ทางร้านมีแค่สองรสชาติ กล้วยฉาบอบเกลือและกล้วยตากค่ะ แถมราคาก็ย่อมเยามาก ๆ ถุงเล็กแค่ถุงละ20บาท 3ถุง50 ส่วนถุงใหญ่ถุงละ35บาท 3ถุงร้อย กล้วยตากแค่กระปุกละ35เท่านั้นเอง ใครมาก็อย่าลืมมาแวะอุดหนุนแม่ต้อมกันเยอะ ๆ นะคะ

และก่อนจะออกจากคีรีวงกต เราก็ไปแวะชมบ้านสวนโฮมสเตย์กันก่อนค่ะ วิวข้างหลังคือเหมาะกับการดูหมอกยามเช้ามาก เหมือนยกเชียงใหม่มาไว้ที่อุดรเลยค่ะ ทางเจ้าของโฮมสเตย์เองก็บอกว่าโดนพิษโควิดเลยกลับบ้านมาทำโฮมสเตย์ ที่เลือกทำเป็นโฮมสเตย์เพราะอยากให้คนที่มาพักที่นี่ ที่อาจจะเบื่อการไปเที่ยวเชียงใหม่แล้ว แต่ยังอยากได้บรรยากาศเมืองเหนือฟีลขึ้นดอยอยู่ ที่นี่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก แถมที่นี่ยังมีกิจกรรมนั่งรถATVชมวิว และยังมีโซนกางเต็นท์ฟังดนตรีสดตอนกลางคืนอีกด้วย บอกเลยว่ามาที่นี่ไม่มีเบื่อแน่นอน ใครที่กำลังหาที่พักอยู่ก็ฝากที่นี่ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนะคะ เจ้าของเขาตั้งใจทำมากจริง ๆ

ถึงเวลาลงเขาแล้ว เราก็จะเดินทางไปต่อกันที่อุทยานแห่งชาติภูพระบาท สัมผัสวัฒนธรรมสีมาอีสาน ร่องรอยประวัติศาสตร์สมัยทวารวดี มรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศไทย แถมยังเป็นมรดกโลกแห่งที่2ของจังหวัดอุดรธานีต่อจากบ้านเชียงอีกด้วย ก่อนอื่นเราก็เข้าไปซื้อตั๋วที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันก่อน เพียงคนละ20บาทเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็เดินเท้าเข้าไปข้างในเพียงแค่400เมตรก็ถึงแล้วค่ะ บรรดาหินเก่าแก่ที่ตั้งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ล้วนแต่เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมวิถีชีวิต รวามถึงความเชื่อของผู้คนในสมัยนั้น หากใครที่มาเที่ยวอุดรก็อย่าลืมมาแวะชมแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่แห่งนี้ของประเทศไทยด้วยนะคะ  

ที่สุดท้ายที่ของทริปนี้ คือชุมชนบ้านติ้ว วิสาหกิจชุมชนแม่บุญช่วยกล้วยทอด พอไปถึงก็ได้รับการต้องรับจากแม่ ๆ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอย่างดีเลยค่ะ แอบเกรงใจคุณแม่นิดหน่อยที่มาถึงสายขนาดนี้ เพราะคุณแม่โทรมาถามตั้งแต่เช้าเลยว่าจะมาตอนไหนแม่จะได้ทอดกล้วยรอ น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ถึงหน้าร้านปุ๊บคุณแม่คุณพ่อก็เอากล้วยมาให้ชิมเลยค่ะ ให้ชิมเยอะมาก ๆ ไม่รู้จะเลือกชิมอันไหนก่อนเลย หลัก ๆ สินค้าที่คุณแม่ขายก็จะเป็นกล้วยฉาบค่ะ มีรสเค็มโรยเกลือนิด ๆ ให้อารมณ์เหมือนกำลังกินมันฝรั่งทอดกรอบ ๆ เลยค่ะ แล้วก็จะมีรสอบน้ำผึ้ง อันนี้คือทีเด็ดมาก ๆ ค่ะ แต่ระวังนิดนึงนะคะ เพราะน้ำผึ้งคุณแม่หวานมาก ทานแต่พอดีระวังน้ำตาลขึ้นเด้อ อีกรสจะเป็นกล้วยเบรคแตกค่ะ อันนั้นก็อร่อยเหมือนกัน ของคุณแม่คือไม่อมน้ำมันเลย ไม่หยาบไม่เหนียว บางกรอบทุกชิ้น ส่วนกล้วยตากของคุณแม่ก็ทีเด็ดไม่แพ้กัน ข้าง ๆ บ้านยังมีโรงตากกล้วยด้วยค่ะ คือกรรมวิธีปลอดภัยหายห่วงแน่นอน ราคาที่คุณแม่ขายก็ถูกมาก ๆ ค่ะ ทุกอย่างแค่กิโลละ130บาทเท่านั้น แต่ถ้ามาซื้อที่หน้าร้านคุณแม่สามารถบอกได้เลยค่ะว่าจะเอาเท่าไหร่ เอาแค่50บาทหรือครึ่งกิโลก็ได้ค่ะ เราก็โดนป้ายยาไป หิ้วกล้วยฉาบอบน้ำผึ้งกลับบ้านไปครึ่งกิโล ใครมาเที่ยวชมภูพระบาทก็อย่าลืมมาแวะอุดหนุนกล้วยฉาบของวิสาหกิจชุมชนแม่บุญช่วยกล้วยทอดกันด้วยนะคะ สังเกตง่าย ๆ ร้านคุณแม่จะมีกล้วยหวีใหญ่ ๆ ตั้งอยู่หน้าร้านเลยค่ะ 

พอบอกลาคุณแม่คุณพ่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านติ้วเสร็จแล้ว เราก็เดินทางกลับกันเลยค่ะ วิวถนนยามค่ำคืนสองข้างทางก็ยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตของผู้คนชาวอุดร เราชอบวิวถนนตอนกลางคืนมากเลยค่ะ ยิ่งใส่หูฟังเปิดเพลงคลอไปด้วยยิ่งทำให้รู้สึกว่ายังไม่อยากให้ทริปนี้จบลงเลย แต่ให้ทำไงได้ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ถ้าไม่ได้มาออกทริปวันนี้เราคงไม่รู้ว่าในที่ที่หนึ่งที่เรายังไม่เคยได้ไปพบเห็นมันสวยงามแค่ไหน ผู้คนใหม่ ๆ มิตรภาพระหว่างทางที่ได้พบเจอนั้นงดงามเท่าไหร่ วันนี้นอกจากฉันจะหอบเอากล้วยฉาบกลับบ้านแล้ว ยังได้หอบเอาความสุขกลับบ้านอีกด้วย นี่ก็เป็นเพียงประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราได้ไปออกทริปที่อุดร หวังว่าบทความนี้ของเราจะทำให้ทุกคนได้ค้นพบสถานที่ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกไม่มากก็น้อย และหวังว่าทุกคนจะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจนี้ด้วยตัวของทุกคนเองนะคะ!